Quantcast
Channel: ER goldbook
Viewing all articles
Browse latest Browse all 563

Coronavirus disease 2019 (COVID-19)

$
0
0

Coronavirus disease 2019 (COVID-19)
  • ดูแนวทางการจัดการ COVID-19 จาก WHOและCDC
  • ดูจำนวนผู้ป่วยติดเชื้อและเสียชีวิตล่าสุดจาก WHOและ European CDC

การแพร่กระจายเชื้อ: respiratory droplets (ดูการป้องกันด้านล่าง)

ลักษณะทางคลินิก
  • ระยะฟักตัวประมาณ 2-7 วันหลังสัมผัสเชื้อ (< 14 วัน)
  • อายุเฉลี่ย 47 ปี มีอาการไข้ (พบเมื่อแรกรับ 44% พบระหว่างนอนโรงพยาบาล 89%)ไอ (68%)มีเสมหะ (34%) อ่อนเพลีย (38%) เวลาเฉลี่ยในการเป็น pneumonia คือ 1-6 วันหลังจากเริ่มมีอาการ
  • ส่วนใหญ่มีอาการเล็กน้อย พบอาการหนักวิกฤตประมาณ 5% (ARDS, septic shock) และมีอัตราการเสียชีวิตประมาณ 1.4%ส่วนใหญ่เป็นคนสูงอายุหรือมีโรคประจำตัว
  • Lab ผิดปกติที่พบ ได้แก่ lymphopenia (83%), thrombocytopenia (36%), leukopenia (34%), อื่นๆที่พบได้บ่อย เช่น CRP > 10 mg/L (66%), LDH > 250 U/L (41%), D-dimer > 0.5 mg/L (46%)
  • CT chest ส่วนใหญ่พบความผิดปกติ (86%)ที่พบบ่อย คือ bilateral patchy shadows หรือ ground-glass opacities
  • ระยะเวลาหายประมาณ 2 สัปดาห์ในรายที่มีอาการเล็กน้อย และ 3-6 สัปดาห์ในรายที่มีอาการหนัก

การคัดกรองผู้ติดเชื้อ
  • ผู้ป่วยที่มีไข้ หรือมี lower respiratory tract symptoms (ไอ เหนื่อย)ที่เดินทางมาจากพื้นที่ที่มีการแพร่เชื้อ (เช่น จีน เกาหลีใต้ อิตาลี อิหร่าน ญี่ปุ่น)ภายใน 14 วัน หรือใกล้ชิดกับผู้ป่วยที่สงสัยหรือยืนยันว่าติดเชื้อ COVID-19 ภายใน 14 วัน
  • ผู้ป่วยที่มี severe lower respiratory tract illness(pneumonia, ARDS) ที่ไม่พบสาเหตุอื่น (เช่น influenza)

Lab testing
  • ในรายที่เข้าเกณฑ์ข้างต้นให้ตรวจหา SARS-CoV RNA ด้วยเทคนิค PCR และ respiratory pathogens อื่นๆ โดยการทำ nasopharyngeal และ oropharyngeal swab; อาจตรวจจากแหล่งอื่นๆด้วย เช่น lower respiratory tract [sputum, tracheal aspirate, BAL], stool, urine
  • ในรายที่สงสัยแต่ตรวจให้ผลเป็นลบ ให้ตรวจซ้ำจากหลายๆตำแหน่ง

การรักษา
  • รักษาตามอาการ เช่นเดียวกับภาวะ sepsis และ ARDS  
  • ยังไม่แนะนำให้ใช้ corticosteroids (ยกเว้นมีข้อบ่งชี้อื่น เช่น COPD exacerbation)
  • Antiviral ที่มีรายงานการนำมาใช้ ได้แก่
    • Remdesivir (nucleotide analogue) มีประสิทธิภาพใน in vitro และ animal studies
    • Lopinavir-ritonavir (combined protease inhibitor) มีประสิทธิภาพใน in vitro study
  • ในรายที่มีอาการน้อยอาจให้กลับบ้าน แยกตัวเพื่อป้องกันการกระจายเชื้อ ติดตามอาการเปลี่ยนแปลง


การป้องกัน
  • ในชุมชนให้ล้างมือบ่อยๆ ปิดปากเมื่อไอ ไม่ใกล้ชิดคนหรือสัตว์ที่ป่วย/ตาย ในคนที่มีอาการทางเดินหายใจให้สวม medical mask
  • ในโรงพยาบาลให้ทำ standard, contact, และdroplet precaution ร่วมกับ eye/face protection
    • Airborne precaution เฉพาะเมื่อต้องทำ aerosol-generating procedures เช่น tracheal suction, noninvasive ventilation, tracheotomy, CPR, manual ventilation, bronchoscopy
    • ให้ผู้ป่วยอยู่ใน negative pressure room ถ้าไม่มีให้สวม medical maskและอยู่ห้องแยกปิดประตู
  • บุคลากรทางการแพทย์ที่อาจสัมผัสโรคให้ทำ self-monitoring คือ ให้วัดไข้วันละสองครั้ง และสังเกตว่ามีอาการทางเดินหายใจหรือไม่ เช่น ไอ เหนื่อย เจ็บคอ เป็นต้น และในรายที่มีความเสี่ยงปานกลาง-สูงให้หยุดทำงานเป็นเวลา 14 วันหลังจากสัมผัสโรค
    • High risk ได้แก่ บุคลากรไม่ได้ป้องกันตา จมูก ปาก ในขณะที่ทำ aerosol-generating procedures
    • Medium risk ได้แก่ บุคลากรใกล้ชิดกับผู้ป่วยเป็นเวลานาน (> 1-2 นาที) โดยที่เยื่อบุหรือมืออาจสัมผัสกับ secretion/excretion
    • Low risk ได้แก่ บุคลากรใส่ PPE ทั้งหมด (respirator, eye protection, gloves, gown) เมื่อให้การดูแลผู้ป่วยเป็นเวลานาน
  • การตัดสินใจว่าผู้ป่วยรายนั้นไม่ต้องระวังว่าจะแพร่เชื้อแล้ว แนะนำให้ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ โดยปกติคือผู้ป่วยไม่มีอาการและอาการแสดงผิดปกติแล้ว และตรวจ RT-PCR ของ nasopharyngeal และ throatห่างกัน >24 ชั่วโมงไม่พบเชื้อ
  • Environmental disinfection ดู CDC
  • การเดินทางระหว่างประเทศ WHO แนะนำให้ทำ exit screening(ไข้ ไอ หรือเสี่ยงสูงต่อการสัมผัสเชื้อ) เมื่อออกจากประเทศที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อ [หลายประเทศทำ entry screening ร่วมด้วย]


Ref: Up-To-Date; Guan WJ, et al., Clinical Characteristics of Coronavirus Disease 2019 in China. N Engl J Med. 2020 Feb 28. doi: 10.1056/NEJMoa2002032



Viewing all articles
Browse latest Browse all 563

Trending Articles



<script src="https://jsc.adskeeper.com/r/s/rssing.com.1596347.js" async> </script>