Quantcast
Channel: ER goldbook
Viewing all articles
Browse latest Browse all 563

โรคหืด (Asthma)

$
0
0
Asthma
การวินิจฉัย
  1. มีประวัติอาการทางเดินหายใจ เช่น หายใจมีเสียงหวีด (wheeze) หอบเหนื่อย ไอ แน่นหน้าอก เปลี่ยนแปลงเป็นๆหายๆ มากบ้างน้อยบ้าง
  • อาการมักเป็นตอนกลางคืนหรือเช้ามืด
  • อาการมักโดนกระตุ้นจากสารก่อภูมิแพ้ การหัวเราะ การออกกำลังกาย หรือ อากาศเย็น
  • อาการมักเกิดร่วมกับหรือแย่ลงจากการติดเชื้อไวรัส
  • ตรวจพบการเปลี่ยนแปลงของ expiratory airflow limitation
    • ขณะที่ FEV1ต่ำ ตรวจพบ FEV1/FVC ratio ลดลง (ปกติ FEV1/FVC ratio > 0.75-0.8 ในผู้ใหญ่และ > 0.9 ในเด็ก)
    • มีการเปลี่ยนแปลงของ FEV1เพิ่ม > 12 % หรือ 200 mL หลังได้รับยาขยายหลอดลม (bronchodilator reversibility)หรือหลังการรักษาด้วย anti-inflammatory treatment นาน 4 สัปดาห์
    • มีการเปลี่ยนแปลงของ FEV1ในแต่ละวันเฉลี่ย > 10 % (> 13% ในเด็ก)

    **ถ้าเป็นไปได้ควรตรวจเพื่อยืนยันการวินิจฉัย asthmaก่อนที่จะเริ่มการรักษาด้วย controllerเพราะการวินิจฉัยจะทำได้ยากขึ้นหลังเริ่มการรักษาไปแล้ว


    การประเมินผู้ป่วย asthma

    1. ประเมินการตอบสนองต่อการรักษา


    2. ประเมินปัจจัยเสี่ยงต่อการจับหืดเฉียบพลัน
    •         Asthma ที่ควบคุมอาการไม่ได้
    •         มี severe exacerbation > 1 ครั้ง/12 เดือน
    •         เคยต้อง intubation หรือ intensive care จาก asthma
    •         ไม่ได้ใช้ ICS รวมถึงการใช้ไม่สม่ำเสมอ หรือการใช้ไม่ถูกวิธี
    •         ใช้ SABA บ่อย (> 1x200-dose canister/mouth)
    •         Low FEV1โดยเฉพาะ < 60% predicted
    •         มี major psychological หรือ socioeconomic problems
    •         Smoking, allergen exposure
    •         มี comorbidity ได้แก่ obesity, rhinosinusitis, confirmed food allergy
    •         Sputum หรือ blood eosinophilia; elevated FENO ใน allergic adults
    •         Pregnancy

    3. ประเมิน lung functionก่อนเริ่มการรักษา ที่ 3-6 เดือน และเป็นระยะๆ (อย่างน้อยทุก 1-2 ปี)
    4. ประเมินประเด็นในการรักษาอื่นๆเช่น ระดับขั้นของการรักษา (ดูด้านล่าง)ผลข้างเคียง วิธีการใช้ถูกต้องหรือไม่ ใช้สม่ำเสมอหรือไม่ ทบทวน asthma action planสอบถามทัศนคติและเป้าหมายการรักษา
    5. ประเมินโรคร่วมอื่นๆ เช่น rhinitis, rhinosinusitis, GERD, OSA, depression, anxiety


    การรักษาเบื้องต้น
    • แนะนำให้หยุดหรือหลีกเลี่ยงควันบุหรี่
    • ออกกำลังกายสม่ำเสมอ แนะนำวิธีการจัดการ exercise-induced bronchoconstriction
    • ถามประวัติการทำงาน (occupational asthma) ในรายที่เป็น adult-onset asthma
    • ก่อนให้ NSAIDs หรือ aspirin ให้ถามประวัติ asthma ก่อนเสมอ
    • โรคร่วมอื่นๆ เช่น obesity แนะนำให้ลดน้ำหนัก; รักษา chronic rhinosinusitis หรือ GERD แต่ไม่ช่วยในการควบคุมอาการของ asthma
    • **การหลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้ (เช่น ไรฝุ่น แมลงสาบ สปอร์เชื้อรา เกสรหญ้า) พบว่ายังไม่มีวิธีที่ได้ผล และสิ่งกระตุ้นอื่นๆ (การออกกำลังกาย การหัวเราะ) ไม่แนะนำให้หลีกเลี่ยง

    การรักษาด้วยยามี 5 ขั้นดังนี้
    ขั้นที่ 1:
    • As-needed SABAในคนที่มีอาการ < 2 ครั้ง/เดือน มีอาการหอบเวลากลางคืน < 1 ครั้ง/เดือน ไม่มีปัจจัยเสี่ยงต่อการจับหืดเฉียบพลัน
    • แต่ในรายที่มีความเสี่ยงต่อการจับหืดเฉียบพลัน ให้ใช้ regular low-dose ICS
    ขั้นที่ 2:
    • Regular low-dose ICS + as-needed SABA
    • หรือ LTRA + as-needed SABA (ประสิทธิภาพด้อยกว่า อาจใช้ในคนที่มี allergic rhinitis ร่วมด้วย)
    • หรือ ICS/LABA + as-needed SABA (แพงกว่า เพิ่ม lung function แต่ไม่ลด exacerbation)
    ขั้นที่ 3:
    • Low-dose ICS/LABA + as-needed SABA
    • หรือ Low dose ICS/formoterol maintenance + reliever therapy(โดยเฉพาะ ถ้าในปีที่ผ่านมามี exacerbation > 1 ครั้ง)
    • หรือ (medium dose ICS หรือ [low-dose ICS + LTRA]หรือ [low-dose ICS + slow-release theophylline]) + as-needed SABA
    • ในรายที่มี rhinitis และ allergic ต่อ hose dust mite และยังมี exacerbation หลังใช้ ICS พิจารณาให้ sublingual immunotherapy (SLIT)
    ขั้นที่ 4:
    • Low dose ICS/formoterolmaintenance + reliever therapy
    • หรือ medium dose ICS/LABA + as-needed SABA
    • หรือ high dose ICS/LABA; หรือ เพิ่ม tiotropium (> 12 ปี+exacerbation), LTRA, slow-release theophylline
    ขั้นที่ 5:
    • ส่งพบแพทย์เฉพาะทาง เพิ่มยา เช่น tiotropium, anti-IgE (omlizumab), anti-IL5 (SC mepolizumab, IV reslizumab)
    • อาจให้ low dose OCS


    ***Low dose ICSได้แก่ Beclomethasone (CFC) 200-500 mcg/d, Beclometasone (HFA) 100-200 mcg/d Budesonide 200-400 mcg/d, Fluticasone 100-250 mcg/d; Medium dose ICSขนาดยาประมาณ low dose x 2

    ตัวอย่างยา ICS (MDI ยากด; ถ้าไม่ใช่ MDI คือยาสูด)
    • Beclomethasone (Clenil MDI) 50,250 mcg/dose
    • Budesonide (Pulmicort turbuhaler) 100,200 mcg/dose
    • Fluticasone (Flixotide evohaler MDI) 125 mcg/dose
    ตัวอย่างยา ICS + LABA (MDI ยากด; ถ้าไม่ใช่ MDI คือยาสูด)
    • Budesonide + Formoterol (Symbricort turbuhaler) 160/4.5, 320/9 พ่น เช้า-เย็น
    • Fluticasone + Salmeterol (Seretide evohaler MDI) 25/125, 25/250 (Seretide Accuhaler) 50/100, 50/500


    การติดตามอาการและการปรับยา
    • ติดตามอาการ 1-3 เดือนหลังเริ่มการรักษา หลังจากนั้นทุก 3-12 เดือน ยกเว้นช่วงตั้งครรภ์ควรติดตามอาการทุก 4-6 สัปดาห์ และภายใน 1 สัปดาห์หลังมี exacerbation
    • การปรับยาขึ้น
      • ปรับเพิ่มยาขึ้น (หลังใช้ controller 2-3 เดือน)ถ้ายังมีอาการหรือมีการจับหืดเฉียบพลัน โดยพิจารณาปัจจัยอื่นๆร่วมด้วย เช่น การใช้ยาไม่ถูกต้องหรือใช้ยาไม่สม่ำเสมอ ปัจจัยเสี่ยงอื่นๆที่แก้ไขได้ เช่น ควันบุหรี่ หรือมีอาการจากโรคร่วม เช่น allergic rhinitis
      • ปรับเพิ่มยาชั่วคราว (1-2 สัปดาห์)เช่น ช่วงที่มี viral infection หรือ allergen exposure
    • การปรับยาลงที่ 3เดือนเมื่อควบคุมอาการได้โดยปรับขนาด steroid ลงทีละ 25-50% ทุก 2-3 เดือนจนถึงขนาดต่ำแล้วจึงลองหยุดยาอื่นๆทีละตัว จนกระทั่งเหลือ low-dose ICS อย่างเดียว
    • ผู้ป่วยรายใหม่ที่มีอาการแบบ persistent ให้เริ่มที่ขั้นที่ 2



    Ref: Tintinalli Emergency Medicine 7thed, แนวทางการวินิจฉัยและรักษาโรคหืด V.5 .. 2555, GINA 2017

    Viewing all articles
    Browse latest Browse all 563

    Trending Articles



    <script src="https://jsc.adskeeper.com/r/s/rssing.com.1596347.js" async> </script>